ฟอร์มหมดไฟ

ฟอร์มหมดไฟ ก่อน แรชฟอร์ด ก็เคยมี 5 ซูเปอร์สตาร์ฟอร์มตกกับแมนยู

ฟอร์มหมดไฟ หลังเกมเอฟเอคัพ ที่เฉือน แอสตัน วิลล่า 1-0 ผ่านเข้ารอบ 4 ได้สำเร็จ แต่เรื่องที่น่ากังวลสำหรับ ราล์ฟ รังนิก 

ฟอร์มหมดไฟ หลังเกมเอฟเอ คัพ ที่เฉือน แอสตัน วิลล่า 1-0 ผ่านเข้ารอบ 4 ได้สำเร็จ แต่เรื่องที่น่ากังวลสำหรับ ราล์ฟ รังนิก ก็คือ มาร์คัส แรชฟอรด์ ที่ดูเหมือนฟอร์มการเล่นของเขาและความกระตือรือร้นที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

กองหน้าวัย 24 ปีทำผลงานได้อย่างโดดเด่นนับตั้งแต่ที่แจ้งเกิดกับ “ผีแดง” ที่สำคัญเรื่องนอกสนามของเขาก็ได้รับคำชื่นชมอย่างมากจากการทำงานเพื่อสังคมทั้งการต่อสู้เรื่องการเหยียดผิว, ความหิวโหยของเด็ก และคนไร้บ้าน เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม แรชฟอร์ด โดยวิจารณ์อย่างหนักเรื่องฟอร์มที่ตกลงไปอย่างฮวบฮาบ โดยเฉพาะการแสดงภาษากายของนักเตะที่ขาดแรงกระตุ้นในการเล่นซึ่งแน่นอนว่านี่เป็นสิ่งที่หลายๆ คนเป็นห่วงอย่างมาก กระนั้น “แรชชี่” ไม่ใช่คนแรกในทัพ “เร้ด เดวิลส์” ที่ดูเหมือนหมดไฟกับแมนฯยูไนเต็ด

เพราะก่อนหน้านี้มีนักเตะระดับโลก 5 รายที่ฟอร์มตก หรือไม่มีใจให้กับทีม และสุดท้ายก็ตัดสินใจเก็บเสื้อผ้าอำลาถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ราดาเมล ฟัลเกา แมนฯยูไนเต็ดเซ็นสัญญายืมตัว ฟัลเกา มาจาก อาแอส โมนาโก ในยุคที่ หลุยส์ ฟาน กัล กุมบังเหียน ในฤดูกาล 2014/2015

โดยมีหลายคนมองว่านี่คือการเซ็นสัญญาที่ยอดเยี่ยมมากๆ สำหรับ “ปีศาจแดง” ก่อนที่เขาจะได้ลงสนามให้กับสโมสร สาวก “เร้ด อาร์มี่” คาดหวังว่าทีมจะเลือกใช้ออปชั่นในการเซ็นสัญญาถาวรด้วยเม็ดเงินจำนวน 43.5ล้านปอนด์ หลังจบสัญญายืมตัวในซีซั่นดังกล่าว

ในช่วง 7 เกมแรกของ ดาวยิงชาวโคลอมเบีย เขาซัดไป 7 ประตูกับ 3 แอสซิสต์ ซึ่งถือว่าน่าประทับใจพอสมควรสำหรับนักเตะที่เพิ่งจะย้ายมาเล่นในลีกสูงสุดเมืองผู้ดี แต่หลังจากนั้นจำนวนประตูก็ค่อยๆ หายไปในช่วงสิ้นปี

หลังจบฤดูกาลนั้น ฟัลเกา ซัดไปเพีงแค่ 4 ประตูจาก 29 เกมที่เล่นให้สโมสร ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในการเซ็นสัญญาที่ห่วยแตกที่สุดของแมนฯยูไนเต็ด และแน่นอนว่า ฟาน กัล ไม่คิดที่จะเซ็นสัญญาถาวรกับเขาอีกต่อไป

ฟอร์มหมดไฟ ปัจจุบันหัวหอกเจ้าของฉายา “เอล ติเกร” วัย 35 กะรัต ค้าแข้งอยู่กับ ราโย่ บาเยกาโน่ โดยเจ้าของตำแหน่งดาวซัลโวตลอดกาลทีมชาติโคลอมเบีย ซัดประตูชัยช่วยต้นสังกัด เฉือน บาร์เซโลน่า 1-0 เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา บ้านผลบอล

ฟอร์มหมดไฟ

น่ากังวลสำหรับ ราล์ฟ รังนิก ก็คือ มาร์คัส แรชฟอรด์ ที่ดูเหมือนฟอร์มการเล่นของเขา และความกระตือรือร้นที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ฟอร์มหมดไฟ ฮวน เซบาสเตียน เวรอน เวรอน ย้ายจาก ลาซิโอ มาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 28.1ล้านปอนด์ เมื่อปี 2001 ซึ่งในเวลานั้นเขาคือนักเตะที่มีค่าตัวแพงที่สุดในวงการฟุตบอลประเทศอังกฤษเลยทีเดียว ห้องเครื่องชาวอาร์เจนไตน์ เริ่มต้นด้วยฟอร์มที่ดุดัน ยิงสามประตูจาก 7 แมตช์

และคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีกประจำเดือนกันยายน ซึ่งตอนนั้นต้องบอกว่า เวรอน กลายเป็นเหมือนแสงสว่างในแดนกลางของ “ผีแดง” อย่างแท้จริง สุดท้ายทุกอย่างกลับตาลปัตรเพราะ เวรอน ต้องเจอกับความยากลำบากในการปรับตัว

กับสไตล์การเล่นฟุตบอลที่เน้นพละกำลังและมีความดุดันในอังกฤษ โดยเขาเป็นนักเตะประเภทที่ชอบครองบอลนาน ซึ่งนั่นทำให้เขาต้องเจอกับการเข้าบอลหนักบ่อยๆ เวรอน ใช้เวลาอยู่ใน “โรงละครแห่งความฝัน” เพียงแค่ 2 ซีซั่นก่อนจะย้ายไปเล่นให้ เชลซี ด้วยค่าตัว 15ล้านปอนด์

ซึ่งนักเตะได้ลงสนามในลีกแค่ 7 เกมให้กับ “สิงโตน้ำเงินคราม” ก่อนจะย้ายไปเล่นแบบยืมตัวกับ อินเตอร์ มิลาน อังเคล ดิ มาเรีย
แฟนบอลแมนฯยูไนเต็ด ต่างคาดหวังกับ ดิ มาเรีย เอาไว้สูงมากตอนที่เขาย้ายจาก เรอัล มาดริด มาสวมเสื้อ “ปีศาจแดง” ด้วยค่าตัวมหาศาลถึง 60ล้านปอนด์

แถมยังได้ใส่เบอร์ 7 ในตำนานของทีมซะด้วย ดิ มาเรีย ซัดไป 3 ประตูกับ 6 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 10 เกมแรกให้กับต้นสังกัดซึ่งฟอร์มของเขาสร้างความตื่นเต้นให้กับสาวก “เร้ด อาร์มี่” อย่างมาก แต่กรณีของเขาก็เหมือนกับเพื่อนร่วมชาติอย่างเวรอน เพราะนักเตะฟอร์มสาละวันเตี้ยลงหลังจากนั้น

ปีกชาวอาร์เจนไตน์ ซัดได้แค่ประตูเดียวในช่วงที่เหลืออยู่ของซีซั่นนั้น นอกจากนี้ ดิ มาเรีย ยังโดนไล่ออกจากการโดนสองใบเหลืองในเกมพบ อาร์เซน่อล ศึกเอฟเอ คัพ ด้วย สุดท้ายเส้นทางค้าแข้งของเขาใน “เธียเตอร์ ออฟ ดรีม” ก็มืดมน

จริงๆ แล้ว ดิ มาเรีย ไม่เคยต้องการที่จะย้ายมาเล่นกับแมนฯยูฯ และไม่มีไฟในการรับใช้ต้นสังกัดแม้แต่นิดเดียว ท้ายที่สุดเขาก็ต้องระเห็จจากสโมสรไปเล่นให้ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง โดยกับ “เปแอสเช” เจ้าตัวคว้าแชมป์มากมายทั้งแชมป์ ลีก เอิง 4 สมัย, เฟร้นช์ คัพ 5 สมัย และ เฟร้นช์ ลีก คัพ 4 สมัย

ซลาตัน อิบราฮิโมวิช แมนฯยูฯได้ตัว อิบราฮิโมวิช มาแบบฟรีๆ หลังจากที่นักเตะอำลา ปารีส แซงต์-แชร์กแมง โดยเขาเซ็นสัญญากับสโมสรเพียงแค่ 1 ปีเท่านั้นในช่วงซัมเมอร์ปี 2016 แต่ผลงานในซีซั่นแรกต้องบอกว่าเด็ดสะระตี่เหลือเกิน

ดาวยิงชาวสวีดิช ซัดไป 29 ประตูด้วยเหตุนี้ทำให้บอร์ดบริหารแมนฯยูไนเต็ด ต้องรีบประเคนสัญญาใหม่ให้กับเขาในฤดูกาลถัดมา แต่สำหรับซีซั่นที่สองดูเหมือนว่า “อิบรา” จะไม่ประสบความสำเร็จ นักเตะต้องเจอกับปัญหาบาดเจ็บเอ็นหัวเข่ารบกวนอย่างหนัก

และได้ลงสนามเพียงแค่ 7 เกมในยุคที่กุนซือโชเซ่ มูรินโญ่ กุมบังเหียน ก่อนที่สุดท้ายเจ้าตัวจะตัดสินใจยกเลิกสัญญากับแมนฯยูฯ ในเดือนมีนาคม 2018 จะว่าไปแล้ว อิบราฮิโมวิช ต้องพบกับชะตากรรมที่เลวร้ายเนื่องจากโดนอาการบาดเจ็บเล่นงาน ในขณะเดียวกันเจ้าตัว

ก็ไม่ต้องการที่จะฝืนอยู่กับสโมสรทั้งๆ ที่ไม่ได้ลงเล่นอย่างเต็มที่ ก็เลยเลือกเส้นทางลูกผู้ชายอย่างที่ทราบกัน คาร์ลอส เตเวซ เตเวซ ย้ายจาก เวสต์แฮม ยูไนเต็ด มาเล่นแบบยืมตัวกับแมนฯยูฯ ในปี 2007 โดยผลงานของเจ้าตัวต้องบอกว่าเด็ดดวงโดนใจแฟนผีโปรเจกต์อย่างมาก

เมื่อซัดไป 14 ประตูในเกมลีก คว้ารองดาวซัลโวสโมสรโดยเบอร์ 1 ในตอนนั้นก็คือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ “เตฟ” มีส่วนสำคัญในการช่วยแมนฯยูไนเต็ด คว้าแชมป์ 2 ซีซั่นติดต่อกัน นอกจากนี้เขายังเป็นมือปืนคนแรกที่รับหน้าที่สังหารจุดโทษในการดวลจุดโทษ

กับเชลซี รอบชิงชนะเลิศ ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่น 2007/2008 ซึ่งพวกเขาคว้าแชมป์ไปครองอย่างยิ่งใหญ่ อย่างไรก็ตาม เตเวซ เริ่มแสดงอาการหมดไฟกับแมนฯยูฯ โดยในซีซั่นที่สองของเขากับสโมสรมีความทรงจำที่ไม่ค่อยดีนัก

ทั้งฟอร์มการยิงประตูฝืดเคือง แถมพฤติกรรมยังแย่สุดๆ ไม่ว่าจะเป็นการมาซ้อมสาย ค่อยปั่นป่วนทีมตลอดเวลา ขาดความเป็นมืออาชีพ จนเพื่อนร่วมสังกัดเอือมระอา กระนั้นมีรายงานว่าแมนฯยูฯ ยังเชื่อในศักยภาพของ “เตฟ” และอยากใช้ออปชั่นที่จะเซ็นสัญญา

ฟอร์มหมดไฟ กับเตเวซ ด้วยค่าตัวเพียง 25.5ล้านปอนด์ พร้อมเสนอสัญญา 5 ปีให้กับเขา แต่เจ้าตัวปฏิเสธอย่างไม่ใยดี และย้ายไปเซ็นสัญญากับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แทน จัดโชต้า

Author: admins