สร้างแรงฮึกเหิม

สร้างแรงฮึกเหิม “แดงเดือด” เจาะ 5 ข้อก่อนเกมลิเวอร์พูล เยือน แอต.มาดริด

สร้างแรงฮึกเหิม ภายหลังที่โชว์ฟอร์มแบบเลิศหรูอลังการในเกมปัจจุบันที่ไล่ต้อน วัตฟอร์ด สบายเกือก ศึกพรีเมียร์ลีก

สร้างแรงฮึกเหิม ภายหลังที่โชว์ฟอร์มแบบเลิศหรูอลังการในเกมปัจจุบันที่ไล่ต้อน วัตฟอร์ด สบายเกือก ศึกพรีเมียร์ลีกเมื่อวันเสาร์ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา ในตอนนี้ลิเวอร์พูล จะต้องกลับสู่ช่วงเวลากลางคืนฟุตบอลถ้วยยุโรปโดยมีคิวเยือน แอตเลติโก มาดริด ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มบี

“ลิเวอร์พูลกำลังอยู่ในตอนเชื่อมั่นเต็มสูบ จากฟอร์มการเล่นที่ครบถ้วนบริบูรณ์ของนักฟุตบอลทุกคน อย่างไรก็แล้วแต่การเยือนกองทัพ “ตราหมี” ไม่ใช่งานง่ายๆแน่นอนเพราะเหตุว่านี่เป็นทีมที่มักจะสร้างรอยแผลเจ็บช้ำให้กับสาวก “เดอะ ค็อป” อยู่เป็นประจำในตอนหลายปีที่ผ่านเลยมา

สำหรับแมตช์นี้นับว่าเป็นเกมที่มีความหมายมากมายๆเพราะเหตุว่า พบร์เก้น คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมัน อยากได้นำกองทัพ “เดอะ เร้ดส์” คว้าแชมป์ให้ได้ เพราะว่านอกเหนือจากจะเป็นการเพิ่มเปอร์เซนต์สำหรับเพื่อการไปสู่รอบน็อกเอาต์มากขึ้น

ยังเป็นการสร้างความฮึกเหิมก่อนทำศึกสงคราม “แดงเดือด” เยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สุดสัปดาห์นี้ด้วย สตาร์บราซิเลียนคืนสังเวียน จำต้องกล่าวว่าเป็นข่าวดีสำหรับแฟนบอลลิเวอร์พูล จริงๆเพราะสองสตาร์สำคัญ

อีกทั้ง ฟาบินโญ่ แล้วก็ อลีสซง เบ็คเกอร์ สามารถลงไปในสนามในเกมนี้ได้ ภายหลังที่พวกเขาพึ่งผ่านลงเล่นในแมตช์ผลาญ วัตฟอร์ด คาบ้าน เหตุเพราะติดกฎประเด็นการควบคุมความปลอดภัยเกี่ยวกับโควิด-19 ของรัฐบาลเมืองผู้ดี

การได้ 2 นักฟุตบอลเลือดแซมบ้ากลับมาลงในสนามยิ่งทำให้ขุมกำลังของลิเวอร์พูล กลับมาแกร่งมากกว่าเดิมหลายเท่า เนื่องจากในเกมนี้พวกเขาจะต้องพบกับงานสุดหินแน่ๆ เนื่องจากว่าการเยี่ยม แอตมาดริด ซึ่งเป็นกลุ่มที่ขึ้นชื่อว่าเกมรับแน่นแฟ้น

จังหวะสวนกลับน่าขนลุก จะต้องมีทีมชุดที่เยี่ยมที่สุดสำหรับเพื่อการสู้ ถึงแม้ในแมตช์ปัจจุบัน นาบี เกอิต้า, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน รวมทั้ง เจมส์ มิลเนอร์ จะปฏิบัติหน้าที่คุมแดนกลางได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ว่าแมตช์นี้พวกเขามิได้พบกับ วัตฟอร์ด

แต่ว่าเป็นการปะทะกับแชมป์ลา ลีกา เมื่อฤดูกาลก่อนหน้าที่ผ่านมา โดยเหตุนี้แผงกองกลางจำเป็นที่จะต้องแน่นปึ้กมากกว่าเดิมหลายเท่า ช่วงเวลาเดียวกันถึงแม้เกมรับของ “เดอะ เร้ดส์” จะค่อนข้างจะมีความพอดีมากๆ ทั้งสองกองหลัง

ตัวกลาง อย่าง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กับ โฌแอล มาติป ที่กำลังเล่นได้อย่างเข้ากัน และก็ 2 ฟูลแบ็ก แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน กับ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แต่ว่าการได้ อลีสซงยืนอยู่หน้าปากประตูยิ่งทำให้แฟนบอล “ลิเวอร์พูลอุ่นใจมากเพิ่มขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า

สามประสาน “หิน เหล็ก ไฟ” ล่าตาข่าย สำหรับตอนนี้ไม่มีแนวรุกไหนที่ดุดันและน่ากลัวยิ่งกว่าเกมบุกของ “หงส์แดง” เพราะแท็กติกการใช้ผู้เล่นสามคนเข้าเจาะเกมรับคู่แข่งของ คล็อปป์ เต็มไปด้วยความดุดัน และอันตรายในทุกๆ จังหวะ

ไม่ว่า กุนซือชาวเยอรมัน จะเลือกใช้งาน ซาดิโอ มาเน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ดีโอโก้ โชต้า หรือจะเปลี่ยนจากดาวยิงชาวโปรตุกีส เป็น โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ก็ไม่มีปัญหา สร้างแรงฮึกเหิม เพราะแนวรุกของพวกเขายังคงทำให้กองหลังคู่แข่งต้องขาสั่น

อย่างไรก็ตามคาดว่าแมตช์เยือนถิ่นว่านต๋า เมโตรโปลีตาโน่ มีสิทธิ์ที่ คล็อปป์ จะเลือกใช้งานสามแนวรุก “หิน เหล็ก ไฟ” เนื่องจากฟอร์มของ ฟีร์มีโน่, มาเน่ และ ซาลาห์ กำลังร้อนแรงและพวกเขาก็เพิ่งช่วยกันซัดประตูในเกมลีกบุกระเบิด “รังแตน” 5-0

“บ็อบบี้” ที่สวมบทแฮตทริกฮีโร่ในเกมดังกล่าว กำลังกลับมาสู่ฟอร์มเก่งอีกครั้ง ขณะที่ มาเน่ แม้ว่าจะใช้โอกาสเปลื้องไปบ้างแต่เขาก็พยายามวิ่งหาช่องเพื่อยิงประตูได้ตลอด ส่วน “บังโม” ตอนนี้เต็มไปด้วยความมั่นใจสุดๆ และฟอร์มก็โดดเด่ด

สร้างแรงฮึกเหิม จนได้รับการยกย่องเป็นนักเตะระดับเวิลด์คลาส ณ เวลานี้ไปแล้ว กระนั้นหากลิเวอร์พูล เจอเกมรับที่แข็งของทัพ แอตเลติโก มาดริด จนไม่สามารถเจาะเข้าไปทำประตูได้ งานนี้ โชต้า มีโอกาสที่จะลงไปสร้างความแตกต่าง และช่วยเปลี่ยนเกมได้เช่นกัน บ้านผลบอล

สร้างแรงฮึกเหิม

“ลิเวอร์พูล” กำลังอยู่ในตอนเชื่อมั่นเต็มสูบ จากฟอร์มการเล่นที่ครบถ้วนบริบูรณ์ของนักฟุตบอลทุกคน

สร้างแรงฮึกเหิม ฟอร์มดุดันไร้พ่ายยาวนาน ผลงานที่สุดยอดของลิเวอร์พูล ในเวลานี้ได้รับการเชิดชูไปทั่วทุกสารทิศ แต่มีสิ่งหนึ่งที่หลายคนมองข้ามความยอดเยี่ยมของ “หงส์แดง” ก็คือพวกเขายังสะกดคำว่าแพ้ไม่เป็นมายาวนานตั้งแต่ซีซั่นที่แล้วจนถึงฤดูกาลปัจจุบัน

ความจริงแล้ว “เดอะ เร้ดส์” ไม่แพ้ใครเลยถึง 20 แมตช์ในการลงเล่นเกมอย่างเป็นทางการในทุกรายการ หรือตั้งแต่เกมที่พวกเขาออกไปพ่าย เรอัล มาดริด 1-3 ในศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2021

จุดเริ่มต้นความยอดเยี่ยมของพวกเขาเกิดขึ้นในจังหวะที่ “หนุ่มเทรนต์” ซัดประตูชัยช่วงทดเจ็บแมตช์เฉือน แอสตัน วิลล่า ที่สนามแอนฟิลด์ หลังจากนั้น ลิเวอร์พูลก็ไม่รู้จักคำว่าแพ้อีกเลย ซึ่งนี่คือผลงานที่โดดเด่นที่หลายๆ คนมองข้ามไป

สิ่งสำคัญก็คือไม่มี ลิเวอร์พูลชุดไหนที่สามารถรักษาสถิติไร้พ่ายได้ยาวนานจากการลงเล่นทุกรายการแบบนี้ นับตั้งแต่ตอนที่ รอย อีแวนส์ กุมบังเหียน “เดอะ เร้ดส์” เมื่อปี 1996 ซึ่งทีมชุดนี้ของ คล็อปป์ มีโอกาสทำลายสถิติซะด้วย

“ตราหมี”ของแสลงที่ยากจะลืม แม้ว่าในวงการลูกหนังประเทศสเปน หลายคนจะยกย่อง บาร์เซโลน่า และ เรอัล มาดริด แต่สำหรับสาวก “เดอะ ค็อป” ทีมที่พวกเขารู้สึกว่าเวลาเจอกันแล้วเกิดอาการเครียดที่สุดก็คือ แอตมาดริด

อย่าลืมว่าภายใต้ยุคของกุนซือดีเอโก้ ซิเมโอเน่ พวกเขาเป็นสโมสรที่มีการเล่นที่เขี้ยวลากดินสุดๆ การเน้นเกมรับเหนียวแน่น และการชิงจังหวะจู่โจมเร็วเวลาคู่แข่งเพลี่ยงพล้ำ เป็นจุดที่ลิเวอร์พูล เคยโดนมาแล้ว จนต้องกระเด็นตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายถ้วยใบโตยุโรป

แอต.มาดริด เป็นทีมที่ได้รับการยกย่องอย่างมากจากการที่พวกเขาคว้าแชมป์ลา ลีกา เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา แถมยังมีเกมรุกที่อันตรายมากๆโดยเฉพาะ หลุยส์ ซัวเรซ ที่ยังเต็มไปด้วยควาเฉียบคม พร้อมกระซวกตาข่ายได้ตลอดเวลา

แม้ว่าในฤดูกาลปัจจุบัน “ตราหมี” อาจจะยังทำผลงานไม่ค่อยโดดเด่นในลีกแดนกระทิงดุมากนัก โดยพวกเขารั้งอยู่ในอันดับ 4 ของตารางคะแนน แต่มี 17 แต้มเท่ากับ เรอัล มาดริด และ เซบีย่า แถมตามหลัง เรอัล โซเซียดาด จ่าฝูงแค่ 3 คะแนนแถมแข่งน้อยกว่า 1 นัด

ฉะนั้นหาก คล็อปป์ แอนด์โค. ไม่อยากต้องเจ็บช้ำ สร้างแรงฮึกเหิม จากยอดทีมแห่งเมืองหลวงสเปน พวกเขาต้องพยายามชิงจังหวะเจาะตาข่ายให้ได้เร็วที่สุด หากยื้อเยื้องานนี้ทีมที่น้ำตาตกอาจกลายเป็น “หงส์แดง” ก็ได้

ชัยชนะเพิ่มความฮึกเหิมก่อน “แดงเดือด” โปรแกรมหน้าวิญญาณอาฆาต ! บรรดาสาวก “เดอะ ค็อป” คงรู้สึกกระเหี้ยนกระหือรืออยากให้ถึงวันอาทิตย์นี้เร็วๆ เพราะพวกเขาอยากเห็นลิเวอร์พูล บุกไปยัดเยียดความปราชัยให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ถึงถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

อย่างไรก็ตามก่อนที่จะถึงเกมดังกล่าว สิ่งที่ คล็อปป์ จำเป็นต้องทำให้ได้ก็คือการบุกชนะ แอต.มาดริด เพราะหากพวกเขาสามารถจัดการทีมที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสโมสรที่มีแนวรับที่แข็งแกร่งได้สำเร็จ ความฮึมเหิมย่อมมาเต็มร้อย

แน่นอนว่าฟอร์มของ “หงส์แดง” ในเวลานี้ค่อนข้างเหนือกว่า “ปีศาจแดง” อยู่พอสมควร แต่กระนั้นหากเกิดอาเพศพวกเขาดันออกไปโดน “ตราหมี” ยัดเยียดความปราชัยเกมแรกของซีซั่นนี้ มันอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในการเยือน “โรงละครแห่งความฝัน” ก็ได้

สร้างแรงฮึกเหิม กระนั้นไม่ว่าผลการแข่งขันในเกมกลางสัปดาห์นี้จะออกมาแบบไหน แต่สำหรับศึก “แดงเดือด” แน่นอนว่ามันคงเต็มไปด้วยความสนุกเร้าใจ เพราะมันเป็นยิ่งกว่าเกมลูกหนัง ที่สำคัญทีมได้เกิดแพ้ แฟนบอลของพวกเขาคงโดนอำจนแทบไม่อยากเปิดสื่อโซเชียล หรือออกนอกบ้านหลายสัปดาห์ชัวร์ เฮสี่เกมติด

Author: admins