หนึ่งแอสซิสต์

หนึ่งแอสซิสต์ ดิอาซเดบิวต์แจ่ม-เอลเลียตต์ซัดด้วย ลิเวอร์พูลทุบคาร์ดิฟฟ์ ลิ่วชนนอริชรอบ5

หนึ่งแอสซิสต์ หลุยส์ ดิอาซ ดาวยิงชาวโคลอมเบีย ลงเดบิวต์ให้ลิเวอร์พูล ด้วยการจัดหนึ่งแอสซิสต์ ส่วน ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ฉลองกลับมาลงสนาม

หนึ่งแอสซิสต์ หลุยส์ ดิอาซ ดาวยิงชาวโคลอมเบีย ลงเดบิวต์ให้ลิเวอร์พูล ด้วยการจัดหนึ่งแอสซิสต์ ส่วน ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ฉลองกลับมาลงสนามในรอบ 5 เดือนด้วยการซัดประตูสุดสวย ช่วยให้ “หงส์แดง” เอาชนะ คาร์ดิฟฟ์3-1

พร้อมผ่านเข้าสู่รอบ 5 เอฟเอ คัพ ไปพบกับ นอริช ศึกฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบ 4 ประจำวันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2565 ที่สนาม แอนฟิลด์ ระหว่างลิเวอร์พูล พบคาร์ดิฟฟ์ จากแชมเปี้ยนชิพ ลิเวอร์พูลของ เจอร์เก้น คล็อปป์

เกมนี้ยังยึดแกนหลักลงสนาม 3 ประสานมีทั้ง มินามิโนะ, โชต้า และฟีร์มีโน่ ส่วนผู้รักษาประตูเป็นโอกาสของ เคลเลเฮอร์ ขณะที่ในม้านั่งสำรองมีชื่อของ หลุยส์ ดิอาซ กองหน้ารายใหม่จาก เอฟซี ปอร์โต้ มีลุ้นลงประเดิมสนามในเกมนี้

เช่นเดียวกับ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ที่เพิ่งสลัดอาการบาดเจ็บกลับมามีชื่อติดทีมอีกครั้ง ครึ่งแรกเล่นมาได้ 3 นาที เป็น คาร์คิฟฟ์ ที่ได้โอกาสทักทายก่อนจากลูกยิงหน้าเขตโทษของ เอล คิง แต่บอลบดไปเข้ามือ เคลเลเฮอร์

จากนั้นลิเวอร์พูล สวนกลับมาและเกือบขึ้นนำในนาทีที่ 4 นาบี เกอิต้า จ่ายบอลยัดให้ ดิโอโก้ โชต้า ในเขตโทษก่อนไขว้ลอกขา โอลิเวอร์ เดนแฮม หลุดมาซัดด้วยซ้ายจ่อๆแต่ยังติดเซฟ ดิลลอน ฟิลลิปส์ “หงส์แดง” เริ่มจะขึงบุกใส่มากขึ้น

จนนาทีที่ 9 เกือบขึ้นนำอย่างรวดเร็วจากจังหวะที่ ทาคูมิ มินามิโนะ กลับตัวซัดด้วยซ้ายหน้าปากประตูแต่ คอสตาส ซิมิคาส ถูกจับล้ำหน้าไปจังหวะก่อนหน้านี้แล้ว คาร์ดิฟฟ์มีโอกาสโต้กลับมาเป็นพักๆ และมาได้ลุ้นนอีกครั้ง

ในนาที 24 มาร์ค แม็คกินเนสส์ ได้บอลหน้าเขตโทษทางฝั่งซ้ายแล้วตั้งป้อมกดด้วยขวาบอลหลุดเสาแรกไปนิดเดียว ลิเวอร์พูลได้โอกาสทองที่จะขึ้นนำในาทีที 34 มินามิโนะ ไหลย้อนคืนมาให้ เคอร์ติส โจนส์ วิ่งมาแปโล่งๆในเขตโทษ

หนึ่งแอสซิสต์ แต่บอลข้ามคานไปแบบน่าผิดหวัง โอกาสของเจ้าถิ่นมาอย่างต่อเนื่อง นาที 38 เคอร์ติส โจนส์ ลากบอลมาที่หน้าเขตโทษก่อนจะลองปั่นด้วยขวาบอลก็ยังไม่ตรงกรอบ บ้านผลบอล

หนึ่งแอสซิสต์

ช่วงเวลาที่เหลือลิเวอร์พูล ยังไม่สามารถเจาะแนวรับคาร์ดิฟฟ์ เข้าไปทำประตูได้ ทำให้จบครึ่งแรกทั้งสองทีมยังเสมอ 0-0

หนึ่งแอสซิสต์ ครึ่งหลังทั้งสองทีมยังไม่มีรายงานการเปลี่ยนตัวผู้เล่น เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 53 ลิเวอร์พูลก็มาปลดล็อกประตูแรกสำเร็จขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะฟรีคิก เทรนต์ เปิดเข้าเขตโทษให้ โชต้า โฉบมาโขกเปลี่ยนทางบอลพุ่งเสียบเสาไกลเข้าไป

จากนั้นนาที 56 ลิเวอร์พูลลุ้นลูกสอง ซิมิคา ตั้มป้อมเปิดจากกราบซ้ายให้ ฟีร์มีโน่ ขึ้นโหม่งเน้นๆ แต่คราวนี้ยังไปติดเซฟของ ฟิลลิปส์ ลิเวอร์พูลใช้โควต้าเปลี่ยนผู้เล่นทีเดียวสองคนในนาทีที่ 57 ส่งทั้ง ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ และหลุยส์ ดิอาซ

ดาวยิงรายใหม่ลงมาเล่นแทน นาบี เกอิต้า และเคอร์ติส โจนส์ ตามลำดับ เจ้าถิ่นยังบุกใส่อยู่ฝ่ายเดียว จนนาที 68 สกอร์ไหลห่างเป็น 2-0 จากจังหวะที่ หลุยส์ ดิอาซ ใช้ความขยันวิ่งบีบแย่งบอลจากแนวรับ คาร์ดิฟฟ์มาได้

ก่อนจะไหลย้อนมาที่กลางประตูให้ โชต้า แต่ยิงไม่โดนบอลเลยมาถึง มินามิโนะ วิ่งมากดเน้นๆด้วยขวาส่งบอลตุงตาข่าย และกลายเป็นแอสซิสต์ของดาวยิงชาวโคลอมเบีย เท่านั้นไม่พอ นาที 76 ลิเวอร์พูลนำ 3-0

แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ตักบอลเข้าเขตโทษให้ เอลเลียตต์ จับก่อนหนึ่งจังหวะก่อนตวัดยิงด้วยซ้ายส่งบอลเข้าประตูไปอย่างสวยงาม อย่างไรก็ตาม คาร์ดิฟฟ์ไม่ยอมง่ายๆตามตีไข่แตกไล่มาเป็น 1-3 ในนาทีที่ 80 จากจังหวะสวนกลับเร็ว

อิซัค เดวิส ไหลบอลให้ รูบิน คอลวิลล์ หลุดมากดด้วยขวาในเขตโทษ เคลเลเฮอร์ หมดสิทธิ์เซฟ เวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่ม จบเกม ลิเวอร์พูลชนะ คาร์ดิฟฟ์3-1 ผ่านเข้าสู่รอบ 5 เอฟเอ คัพ ไปพบกับ นอริช

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม ลิเวอร์พูล (4-3-3) : ควีวิน เคลเลเฮอร์ – เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, อิบราฮิมา โกนาเต้, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, คอสตาส ซิมิคาส – จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, นาบี เกอิต้า (ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ น.57) , เคอร์ติส โจนส์ (หลุยส์ ดิอาซ น.57) – ทาคูมิ มินามิโนะ, โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่, ดิโอโก้ โชต้า

หนึ่งแอสซิสต์ คาร์ดิฟฟ์ (3-5-2) : ดิลลอน ฟิลลิปส์ – โอลิเวอร์ เดนแฮม, เอเดน ฟลินท์, มาร์ค แม็คกินเนสส์ – เพอร์รี่ เอ็นจี, วิลล์ โวลค์, มาร์ลอน แพ็ค, เอล คิง, โจเอล เบแกน – มาร์ค แฮร์ริส, เจมส์ คอลลินส์ สุดยอดทีม

Author: admins