แข่งครบทุกคู่ ผลงานอันน่าทึ่งของทีมนอกลีกในเอฟเอคัพ

แข่งครบทุกคู่ ถือว่าแข่งกันครบทุกคู่ไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับรอบ 4 ของศึกเอฟเอคัพ ประจำฤดูกาล 2021-22

แข่งครบทุกคู่ ถือว่าแข่งกันครบทุกคู่ไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับรอบ 4 ของศึกเอฟเอคัพ ประจำฤดูกาล 2021-22 ซึ่งมันก็มีทั้งทีมที่สามารถผ่านเข้ารอบได้ตามความคาดหมาย และทีมที่ได้เข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายแบบน่าเซอร์ไพรส์

หนึ่งในคู่ที่ว่ากันว่าพลิกล็อกมากที่สุดของรายการนี้เป็นเกมที่ บอร์นมัธ เปิดบ้านเจอกับ บอร์แฮมวู้ด โดยเจ้าถิ่นเป็นทีมจาก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ หรือเทียบเท่ากับลีกระดับ 2 ของประเทศ ส่วนอาคันตุกะเป็นตัวแทนจาก เนชันแนล ลีก

หรือพูดอีกแบบคือ “ทีมนอกลีก” คิดเป็นทีมจากลีกระดับ 5 มองผิวเผินแล้วใครก็คิดว่า บอร์นมัธ น่าจะเก็บชัยชนะไปได้ แต่พอแข่งกันจริงๆ แล้วมันไม่เป็นอย่างนั้นเมื่อ บอร์แฮมทำผลงานได้โดดเด่นจนชนะไป 1-0 จากประตูชัยที่มาตั้งแต่นาทีที่ 38

โดยเป็นผลงานของ มาร์ค จิมส์ ริคเก็ตต์ส ส่งผลให้ตอนนี้ บอร์แฮมเป็นทีมจากลีกต่ำที่สุดประจำฤดูกาลนี้ที่อยู่ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย นับตั้งแต่จบสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี 1945 เป็นต้นมานั้น นี่ถือเป็นครั้งที่ 10 เข้าไปแล้วที่มีทีม

จากนอกลีกทะลุมาถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายของเกมเอฟเอคัพ ได้เป็นอย่างน้อย โดย 9 ทีมก่อนหน้า บอร์แฮมที่ทำอย่างนั้นได้ประกอบไปด้วย โคลเชสเตอร์ยูไนเต็ด ชุดซีซั่น 1947-48, โยวิล ทาวน์ ชุดฤดูกาล 1948-49, บลิธ สปาร์ตันส์ ฤดูกาล 1977-78,

แข่งครบทุกคู่ เทลฟอร์ดยูไนเต็ด ซีซั่น 1984-85, คิดเดอร์มินส์เตอร์ แฮร์ริเออร์ส ซีซั่น 1993-94, ครอว์ลี่ย์ ทาวน์ ฤดูกาล 2010-11, ลูตัน ทาวน์ ซีซั่น 2012-13 และลินคอล์น ซิตี้ กับ ซัตตันยูไนเต็ด ที่ต่างก็เคยทำได้ในฤดูกาล 2016-17 บ้านผลบอล

ทั้งทีมที่สามารถผ่านเข้ารอบได้ตามความคาดหมาย และทีมที่ได้เข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายแบบน่าเซอร์ไพรส์

แข่งครบทุกคู่ แน่นอน ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าบอร์แฮม มีดวงในระดับหนึ่ง เพราะจากการลงเล่นที่ผ่านมานั้นพวกเขายังไม่เคยเจอกับทีมจาก พรีเมียร์ลีก เลย โดยในรอบ 3 ซึ่งเป็นรอบแรกที่เหล่าทีมจาก พรีเมียร์ลีก ร่วมโม่แข้งในเอฟเอคัพ นั้น

บอร์แฮมได้เฝ้าบ้านเจอกับ วิมเบิลดัน ทีมจาก ลีก วัน และเอาชนะไปได้ 2-0 ก่อนจะคว่ำ บอร์นมัธได้ในนัดล่าสุด อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะไม่ได้เจอกับทีมจาก พรีเมียร์ลีก ใน 2 รอบที่ผ่านมา แต่ผลงานของบอร์แฮม ก็ยังถือว่าน่าพอใจ

เมื่อพิจารณาถึงเรื่องที่ว่าพวกเขาอยู่ในลีกที่ด้อยกว่าคู่แข่งทั้งในรอบ 3 และรอบ 4 เยอะพอตัว ทั้งนี้ ในบรรดารุ่นพี่ 9 รายก่อนหน้านี้ของบอร์แฮม มีเพียงลินคอล์น แค่ทีมเดียวที่สามารถไปต่อถึงรอบก่อนรองชนะเลิศได้ โดยในรอบ 16 ทีมสุดท้ายนั้น

ลินคอล์นเอาชนะทีมจาก พรีเมียร์ลีก ได้ด้วย นั่นคือ เบิร์นลี่ย์ ที่พวกเขาคว้าชัยไปด้วยสกอร์ 1-0 ที่จริงหากนับย้อนไปถึงช่วงก่อนที่สงครามโลกครั้งที่ 2 จะจบลงนั้น เคยมี ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส ชุดปี 1914 ที่ไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายของเอฟเอคัพ ได้เช่นกัน

แต่สมัยนั้นจำนวนทีมที่เข้าแข่งขันรวมถึงระบบการแบ่งรอบมันต่างออกไปหากเทียบกับตั้งแต่ปี 1945 เป็นต้นมา ทำให้ ควีนส์ปาร์ค ชุดนั้นไม่ถูกพูดถึงมากนัก ยกตัวอย่างเช่น รอบ 8 ทีมสุดท้ายในสมัยของ ควีนสปาร์ค มันเทียบเท่ากับรอบ 5

ขณะที่หากนับตั้งแต่ปี 1945 เป็นต้นมา มันเทียบเท่ากับรอบ 6 เป็นต้น สำหรับคู่แข่งในรอบ 16 ทีมสุดท้ายของ บอร์นแฮม ถือเป็นด่านที่หินที่สุดของพวกเขา เพราะพวกเขาจะเจอกับทีมจาก พรีเมียร์ลีก เป็นครั้งแรกในการแข่งเอฟเอคัพ หนนี้

ด้วยการไปเยือน เอฟเวอร์ตัน ที่คุมทีมโดย แฟร้งค์ แลมพาร์ด นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ เอฟเวอร์ตัน มาเป็นด่านดักทีมนอกลีก ย้อนกลับไปเมื่อฤดูกาล 1984-85 พวกเขาเคยเปิดบ้านรับการมาเยือนของ เทลฟอร์ด มาแล้ว และหนนั้นทีมดัง

จากย่านเมอร์ซี่ย์ไซด์ก็ดับความฝันของทีมนอกลีกด้วยการเอาชนะไป 3-0 ก่อนที่ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” จะไปถึงรอบรองชนะเลิศได้ แต่สุดท้ายก็แ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 0-1 ชะตากรรมของบอร์แฮม จะเดินตามรอยลินคอล์น

แข่งครบทุกคู่ ด้วยการผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศได้ หรือจะเป็นเหมือนรุ่นพี่รายอื่นๆ ที่จอดป้ายเพียงแค่รอบ 16 ทีมสุดท้าย เราจะได้รู้กันในเกมที่ กูดิสัน พาร์ค ในวันที่ 2 มีนาคมนี้ ทีมครบเครื่อง