ไม่พอใจ

ไม่พอใจ โดนกันถ้วนหน้า รังนิกติงแข้งแมนยู-กรรมการหลังร่วงเอฟเอคัพ

ไม่พอใจ ราล์ฟ รังนิก กุนซือขัดตาทัพของ แมนฯ ยูไนเต็ด ระบุ ทีมของตนทำพลาดที่ไม่สามารถทำให้สกอร์มันขาดลอย

ไม่พอใจ ราล์ฟ รังนิก กุนซือขัดตาทัพของแมนฯยูไนเต็ด ระบุ ทีมของตนทำพลาดที่ไม่สามารถทำให้สกอร์มันขาดลอยตั้งแต่ในครึ่งแรกได้ แต่ก็ไม่พอใจกับการตัดสินของกรรมการเช่นกัน พร้อมยัน เจสซี่ ลินการ์ด เป็นคนขอพักเอง

โดยบอกว่าถ้าไม่ใช่อย่างนั้นตนก็คงจะให้ลินการ์ด อยู่ในทีมแน่นอน รังนิกผู้จัดการทีมชั่วคราวของ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด กล่าวว่าทีมของตนพลาดเองที่ไม่สามารถทำให้สกอร์มันขาดได้ตั้งแต่ในครึ่งแรก แต่ก็ไม่พอใจกับการตัดสินของทีมกรรมการเช่นกัน

ที่ยังให้ มิดเดิ้ลสโบรห์ ได้ประตู หลังจากที่ “ปีศาจแดง” ตกรอบ 4 ของศึก เอฟเอ คัพ จากการแพ้ในช่วงดวลจุดโทษ เมื่อวันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา นัดดังกล่าวแมนฯยูไนเต็ด ได้ประตูขึ้นนำจาก เจดอน ซานโช่ ในนาทีที่ 25

แต่พวกเขากลับทำประตูเพิ่มไม่ได้จนทีมเยือนมาได้ประตูตีเสมอจาก แม็ตต์ ครู้กส์ ในนาทีที่ 64 ซึ่งจังหวะนี้เป็นจังหวะปัญหาเพราะคนที่ผ่านบอลให้ ครู้กส์ ทำประตูคือ ดันแคน วัตมอร์ และก่อนที่เขาจะผ่านบอลนั้นมันมีชอตที่บอลไปโดนมือของ วัตมอร์ ด้วย

แต่สุดท้ายทั้งกรรมการและทีมงานก็มองว่า วัตมอร์ ไม่ได้ตั้งใจใช้มือช่วยในการเล่นจนทำให้ไม่จับเป็นแฮนด์บอล การเสมอกัน 1-1 ในช่วงเวลาปกติทำให้ต้องเตะกันต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษ ซึ่งมันก็ไม่มีฝ่ายไหนทำประตูเพิ่มได้

จนทำให้ต้องตัดสินกันในช่วงดวลจุดโทษ โดยทั้ง 7 คนแรกของทั้ง 2 ทีมยิงเข้าทั้งหมด แต่พอมาถึงคนที่ 8 แอนโธนี่ อีแลงก้า กองหน้าดาวรุ่งของเจ้าถิ่นกลับยิงไม่เข้า ตรงกันข้ามกับ ลี เพลเทียร์ ที่ยิงให้ มิดเดิ้ลสโบรห์ ไปก่อนหน้านั้นได้

ไม่พอใจ ส่งผลให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องจอดป้ายเพียงแค่รอบ 4 บ้านผลบอล

ไม่พอใจ

สกอร์มันขาดลอยตั้งแต่ในครึ่งแรกได้ แต่ก็ไม่พอใจกับการตัดสินของกรรมการเช่นกัน

ไม่พอใจ รังนิกเผยว่า “เราผิดหวังกันมากๆ ทั้งนักเตะ, สตาฟฟ์ และทุกคนต่างก็ผิดหวังกับผลลัพธ์ที่ออกมา เราควรจะทำให้เกมมันจบไปได้ตั้งแต่ครึ่งแรกแล้ว เราควรจะนำห่างแบบสบายๆ 3-0 หรือ 4-0 เราเริ่มเกมกันได้ดีและเล่นได้ยอดเยี่ยมมากๆ ในช่วงครึ่งแรก

การเคลื่อนไหวและจังหวะในการต่อเกมมันเป็นไปตามแบบที่เราต้องการ แต่เรากลับนำแค่ 1-0 และประตูแบบนี้ (ของ มิดเดิ้ลสโบรห์) มันเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ถึงแม้ว่าจากมุมมองของเราแล้วมันไม่ควรจะเกิดประตูแบบนี้ขึ้นก็ตาม”

“เราตั้งรับกันได้ไม่ดี, เปิดพื้นที่มากเกินไปในจังหวะสวนกลับเร็ว แต่แน่นอนว่าท้ายที่สุดแล้วประตูแบบนี้มันไม่ควรเกิดขึ้น มันน่าเหลือเชื่อมากๆ ที่ทีมผู้ตัดสินยืนกรานให้มันเป็นประตู เพราะมันเป็นจังหวะแฮนด์บอลอย่างชัดเจน

ถ้าเป็นผมน่ะผมไม่จำเป็นต้องไปเช็กกับ วีเออาร์ ด้วยซ้ำไป กรรมการในสนามควรจะเห็นมันอย่างชัดเจนแล้ว แต่ วีเออาร์ ไม่ควรจะให้มันเป็นประตู” “เท่าที่ผมรู้น่ะทั้งกรรมการและทีมงาน วีเออาร์ ตัดสินว่ามันไม่ได้เป็นการตั้งใจทำแฮนด์บอล

พวกเขามองว่ามันเป็นอุบัติเหตุ แต่ผมถามหน่อยว่ามันจะเป็นอุบัติเหตุได้ยังไงถ้าเขาขยับมือขึ้นมาแล้วบอลมันไปโดนมือของเขาจนกลายเป็นว่าเขาคุมบอลได้จากการใช้มือของตัวเอง ? ผมมองไม่เห็นเลยว่ามันจะเป็นการไม่ตั้งใจ (ใช้มือช่วยในการเล่น) ได้ยังไง”

กุนซือชาวเยอรมันยืนยันด้วยว่า เจสซี่ ลินการ์ด เป็นคนขอพักจนทำให้ไม่มีชื่อติดทีมในเกมนี้เอง หลังจากก่อนหน้านี้ ลินการ์ดออกมาบอกว่าตนไม่ได้ต้องการเวลาพักตามที่รังนิก พูดแต่อย่างใด โดยเกมนี้รังนิก ใส่ชื่อผู้รักษาประตูเป็นตัวสำรองถึง 2 คน

เพราะไม่เหลือตัวเลือกในกลุ่มเอาท์ฟิลด์ (หมายถึงทุกตำแหน่งนอกจากผู้รักษาประตู) ที่จะใส่ชื่อเป็นตัวสำรองแล้ว “กรณีของเจสซี่ ผมก็บอกคุณไปตามข้อมูลของผมและตามรายงานที่ผมได้รับมานั่นแหละ แน่นอนอยู่แล้วว่าผมอยากมีเจสซี่ อยู่ในทีมกับการลงเล่นนัดนี้”

“วันนี้เรามีนักเตะเอาท์ฟิลด์อยู่ในทีมน้อยกว่าอีกฝ่าย 1 คนเลยนะ ดังนั้นทำไมผมถึงจะอนุญาตให้เขาได้พัก 4 หรือ 5 วันด้วยล่ะ ? (หมายถึงถ้าเกิดลินการ์ด ไม่ได้เป็นคนเอ่ยปากขอพักด้วยตัวเองจริงๆ แล้วล่ะก็ ตนก็คงจะใส่ชื่อลินการ์ด อยู่ในทีม สำหรับเกมนี้ไปแล้ว)

ถ้ามันไม่ใช่อย่างนั้นแล้วล่ะก็ ผมก็ย่อมอยากจะใส่ชื่อ เขาอยู่ในทีมชุดนี้อยู่แล้ว ซึ่งแน่นอนว่าในความเป็นจริงมันไม่ใช่อย่างนั้น ดังนั้นมันก็ไม่สมเหตุสมผล ที่จะพูดเกี่ยวกับ นักเตะที่ไม่สามารถลงเล่นในเกมนี้ได้”

รังนิกเสริมว่าตนทำถูกแล้วที่อนุญาตให้ เอดินสัน คาวานี่ ได้พักเพิ่มตามคำขอร้องของดาวเตะวัย 34 ปี หลังจากมีบางฝ่ายมองว่ามันไม่เหมาะสมที่แมนฯยูไนเต็ด ให้ไฟเขียวในเรื่องนี้ “เขาเพิ่งลงเล่นให้ อุรุกวัย มาเมื่อวันพุธ

ไม่พอใจ รวมถึงมีทั้งอาการเจ็ทแล็ก และยังต้องจัดแจงในเรื่องที่พัวพัน กับการเดินทางอีก ผมไม่คิดว่า มันจะเป็นเรื่อง สมเหตุสมผลหรอก (ที่จะให้ คาวานี่ มีชื่อในเกมนี้) ยังไงซะเขาก็จะไม่มีชื่อ ในเกมนี้อยู่แล้ว (หมายถึงไม่ว่ายังไง

ตนก็จะไม่ใส่ชื่อ คาวานี่ อยู่ในทีมสำหรับเกมนี้แน่นอน เพราะอยากให้ คาวานี่ ได้พักแบบเต็มที่)” ต้องทนอยู่

Author: admins